ในนครนิวยอร์ก มีการประมูลภาพเขียนซึ่งค้นพบที่เมืองอาร์ล ประเทศฝรั่งเศส ผู้เชี่ยวชาญหลายคนตรวจสอบและยืนยันว่า เป็นหนึ่งในภาพเขียนชุด “ทานตะวัน” ของจิตรกรฟัน โคค ที่เคยเชื่อกันว่า ถูกทำลายไปเมื่อคราวสหรัฐอเมริกาถล่มญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว
จิโรคิจิ ซึซึกิ ชนะประมูลโดยเสนอเงินถึงสามร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ เขาแถลงออกอากาศสดทั่วโลกว่า กำลังรวบรวมภาพชุด “ทานตะวัน” ทุกชิ้นออกแสดง ณ หอศิลป์เลกร็อก (Lake Rock) ประเทศญี่ปุ่น และได้เชิญผู้เชี่ยวชาญเจ็ดคนซึ่งเขาเรียก “ซามูไรทั้งเจ็ด” มาร่วมควบคุมนิทรรศการและพิทักษ์รักษาภาพเขียนดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นรวมถึงนักสืบโมริ โคโกโร่ ที่คอยคุ้มครองภาพเขียนอยู่ในญี่ปุ่น
ในเวลาแถลงนั้นเอง จอมโจรคิดแสดงตัวและสร้างความปั่นป่วนในงาน เจ้าหน้าที่ชาร์ลี (Charlie) จากกรมตำรวจนิวยอร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในซามูไรทั้งเจ็ด พยายามจับกุมเขาแต่ไม่สำเร็จ เมื่อจอมโจรคิดบินหนีไปแล้ว คุโด้ ชินอิจิ ก็ปรากฏตัวและอาสาช่วยเหลือจิโรคิจิอีกแรง
แล้วจิโรคิจิก็ลำเลียงภาพเขียนที่ประมูลได้มานั้นกลับญี่ปุ่นทางเครื่องบิน โดยมีเหล่าผู้เชี่ยวชาญ ชินอิจิ และคนอื่น ๆ นั่งมาด้วย อันที่จริงชินอิจินั้นคือจอมโจรคิดปลอมตัวมา เวลานั้น เครื่องบินเกิดระเบิดขึ้น โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย ฝ่ายจอมโจรคิดบินออกนอกเครื่องไปรักษาภาพเขียนที่กำลังปลิวออกไปเอาไว้ได้ และนำไปไว้บนยอดตึกสนามบิน เอโดงาวะ โคนัน ติดตามไปนำภาพเขียนคืนมาได้
หลายวันถัดมา จิโรคิจิประชุมเหล่าผู้เชี่ยวชาญเพื่อหารือวิธีตอบโต้จอมโจรคิด ขณะนั้น นักสืบโมริได้รับไพ่จากจอมโจรคิดว่า จะขโมยภาพเขียนอีกใบในค่ำคืนนี้ โคนันซึ่งกำลังชมภาพเขียนดังกล่าวอยู่ ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ กับผองเพื่อน ได้ทราบข่าวจอมโจรคิด ก็ให้ไฮบาระ ไอ ดูแลคนที่เหลือไว้ แล้วตนก็จากไปจัดการกับจอมโจรคิด เวลานั้น จิโรคิจิและคนอื่น ๆ มาถึง และตัดสินใจย้ายภาพที่จอมโจรคิดว่าจะขโมยนั้นไปไว้ ณ ที่ปลอดภัย แต่ไม่ก็สามารถปกป้องภาพไว้ได้ เมื่อจอมโจรคิดได้ภาพไปแล้วก็เรียกเงินสิบล้านเยนซึ่งจิโรคิจิยอมจ่าย แต่นั่นก็เป็นเหตุให้โคนันและคนอื่น ๆ เริ่มสงสัย เพราะจอมโจรคิดไม่เคยประพฤติเช่นนี้มาก่อน
แม้มีเรื่องวุ่นวายหลายประการจากจอมโจรคิด จิโรคิจิก็สามารถจัดแสดงภาพเขียน ณ พิพิธภัณฑ์เลกร็อกได้ตามต้องการ โคนันและคนอื่น ๆ มาชมนิทรรศการและพบไพ่อีกใบของจอมโจรคิดซึ่งมีข้อความที่ไม่มีผู้ใดแปลออก แต่นั่นหมายความว่า จอมโจรคิดอยู่ในนิทรรศการแล้ว จิโรคิจิจึงสั่งให้อพยพผู้คนโดยเร็ว และปิดทางเข้าออกทั้งหมดเพื่อล้อมจับจอมโจรคิดให้ได้ ทันใดนั้น ห้องควบคุมไฟฟ้าเกิดระเบิดขึ้น และเพลิงก็ไหม้ขึ้น ระบบอาคารจึงลำเลียงภาพเขียนไปไว้ในโกดัง ฝ่ายจิโรคิจิและคนอื่น ๆ ก็หนีออกจากสถานที่ได้สำเร็จ ส่วนในพิพิธภัณฑ์เลกร็อกนั้นเหลือแต่ โคนัน จอมโจรคิด และโมริ รัน
อย่างไรก็ดี ระบบลำเลียงทำงานบกพร่อง เป็นเหตุให้ภาพเขียนสองใบค้างอยู่ในที่ โคนันกับจอมโจรคิดพยายามทำให้กลไกลำเลียงทำงาน แต่ก็ไร้ผล ขณะที่ภาพเขียนใบหนึ่งกำลังจะถูกเพลิงไหม้นั้นเอง รันก็ใช้คาราเต้ทำลายกำแพงเพื่อให้ภาพนั้นตกลงสู่อุโมงค์กลไกและเข้าสู่ที่ปลอดภัยต่อไป แต่ก็ทำให้อาคารร้าวและตกลงมาทับรันจนหมดสติ
ขณะนั้น สารวัตรนากาโมริ กินโซ จากกรมตำรวจโตเกียว สืบสวนแล้วเชื่อว่า คนร้ายไม่ใช่จอมโจรคิด แต่เป็นผู้สมอ้างเป็นจอมโจรคิด และน่าจะเป็นหนึ่งใน “ซามูไรทั้งเจ็ด” ซึ่งน่าจะได้แก่ อะซุมะ โคจิ (Koji Azuma) ผู้เชี่ยวชาญด้านบูรณะและรักษาจิตรกรรม การสืบสวนยังทำให้ทราบว่า อะซุมะฆ่าฝาแฝดของตนเองทิ้งที่เมืองอาร์ลนั้นเมื่อครึ่งปีก่อน ในเวลานั้น โคนันซึ่งเข้าใจความเป็นไปอย่างกระจ่างชัดแล้ว ก็ใช้เสียงชินอิจิเรียกหาทุกคน แล้วแถลงไขคดีว่า คนร้ายไม่ใช่อะซุมะ แต่เป็นมิยะได นะสึมิ (Natsumi Miyadai) ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์จิตรกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งใน “ซามูไรทั้งเจ็ด” เช่นกัน วัตถุประสงค์ คือ ทำลายภาพเขียนทานตะวันบางภาพที่จิโรคิจิได้มา เพราะเห็นว่า เป็นภาพที่บกพร่อง และสังหารจิโรคิจิ เพราะเห็นว่า ไม่สมควรครอบครองภาพเขียนอันทรงคุณค่า และมีแต่ตนเองเท่านั้นที่คู่ควรจะครอบครอง ส่วนที่จอมโจรคิดสอดเข้ามายุ่งเกี่ยวนั้น เพราะทราบตัวคนร้ายและความมุ่งหมายอยู่ก่อนแล้ว จึงเข้ามาขัดขวางมิให้ทำสำเร็จ
เมื่อโคนันชี้แจงเสร็จแล้ว จอมโจรคิดซึ่งออกไปจากอาคารได้ก็เห็นว่า รันที่กำลังหมดสติอยู่และโคนันกำลังร่วงลงจากปากกำแพงอาคารที่กำลังทรุดนั้น จึงใช้เครื่องร่อนบินไปยุดตัวรันไว้ได้ แต่ไม่อาจคว้าโคนันไว้ โคนันกล่าวฝากรันไว้กับจอมโจรคิดและร่วงหล่นลงไป จอมโจรคิดจึงอุ้มรันลงไปส่งที่พื้นและซ่อนตัวอยู่
ฝ่ายโคนันใช้เอี๊ยมช่วยกันตนเองมิให้กระแทกพื้นเมื่อหล่นลง แล้วเดินหาทางออกต่อไป เขาพบภาพเขียนใบสุดท้ายที่ค้างอยู่ในห้อง ทว่า ห้องนั้นกำลังจะท่วมนองไปด้วยน้ำ โคนันจะผลักจะเข็นภาพเขียนนั้นไปอย่างไรก็ไม่เป็นผล ในไม่ช้า น้ำก็ท่วมห้อง โคนันจำต้องกลั้นหายใจอยู่ในน้ำ พลางคิดถึงหนทางจะเอาตัวรอดพร้อมนำภาพเขียนอันหนักอึ้งนี้ออกไปด้วย ขณะนั้น ก็นึกขึ้นได้ว่า เข็มขัดที่ตนสวมนั้นยิงดอกไม้ไฟได้ จึงยิงเพื่อขับให้ตนและภาพวาดขึ้นเหนือห้วงน้ำ แต่เมื่อใกล้ผิวน้ำแล้ว กลับรู้สึกว่า ตนใกล้หมดลมหายใจ โคนันจึงยิงบอลอีกลูกจากเข็มขัดเพื่อใช้เป็นเสมือนบอลลูนที่ช่วยให้ตนลอยเหลือน้ำได้ เมื่อโคนันขึ้นสู่ผิวน้ำแล้ว นักสืบโมริรุดมาช่วยโคนันไว้ได้ทันท่วงที โมริกระโจนลงสู่ผืนน้ำและอุ้มโคนันกลับเข้าสู่ฝั่ง โคนันจึงปลอดภัย