มีตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ในอดีต มนุษย์มีวิทยาการและอารยธรรมสูงส่งถึงขนาดสร้างอาณาจักรลอยฟ้าขึ้นมาได้ นามของอาณาจักรนั้นคือ “ลาพิวต้า” ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรปกครองผืนแผ่นดินทั้งมวล แต่ด้วยสาเหตุบางประการ ทำให้อาณาจักรนั้น ได้ล่มสลายลง แต่ก็มีความเชื่อว่าลาพิวต้า ยังคงลอยอยู่ที่ใดที่หนึ่ง บนโลกใบนี้
ในคืนหนึ่ง กลุ่มสลัดอากาศ “โดล่า” ได้เข้าโจมตีเรือเหาะโดยสาร ซึ่งในเรือเหาะนั้นมีเด็กสาวนามว่า ชีต้า ที่กำลังถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล เป้าหมายของโจรสลัดคือ ศิลาลอยฟ้า ของชีต้า ชีต้าที่พยายามจะหนี ได้พลักตกลงจากเรือเหาะพร้อมกับสร้อยศิลาเส้นนั้น
ปาซู เด็กกำพร้าที่ทำงานอยู่ในเหมืองแร่ ได้เห็นแสงบางอย่างกำลังต่ำลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้าๆ เมื่อเขาเข้าไปสังเกตใกล้ๆ พบว่าเป็นร่างของหญิงสาวที่บนคอมีสร้อยกำลังเปล่งแสง เขาได้ช่วยเหลือเธอที่กำลังหมดสติไว้และพากลับไปบ้านของตนเอง เมื่อฟื้น เธอก็แนะนำตัว และกลายเป็นเพื่อนกับเขา ในบ้านของปาสึ ชีต้าเหลือบไปเห็นภาพๆหนึ่งที่เขียนว่า “ลาพิวต้า” เขาเล่าให้ฟังว่า ระหว่างที่พ่อเค้าออกบิน เค้าเจอกับลาพิวต้า จึงถ่ายภาพๆนี้ไว้ แต่ไม่มีใครเชื่อ ระหว่างนั้นเอง แก็งโดล่าก็ออกตามหาชีต้า จนมาถึงบ้านปาสึได้พาชีต้าหนีแก็งโดล่า จนมาพบกับรถถังของกองทัพ ปาสึได้ขอความช่วยเหลือ แต่แล้วคนของกองทัพกลับพยายามจับตัวชีต้า ปาสึได้พาชีต้าหนีลงมาในเหมืองแร่เก่า และหลงทางอยู่ในนั้น จนได้พบกับชายชรานามว่า ปอม ลุงปอมกล่าวว่า เขาได้ยินเสียงก้อนหินคุยกัน จึงลงมาดูด้านล่าง ทั้งสองไม่เข้าใจ ลุงปอมจึงดับตะเกียง และหินรอบๆก็เปล่งแสงขึ้นมา ลุงปอมอธิบายว่า หินเหล่านี้มีส่วนประกอบของแร่เอธิเรียม ซึ่งใช้ในการทำศิลาลอยฟ้าของชาวลาพิวตา เมื่อชีต้าได้ยินดังนั้นจึงหยิบสร้อยของตนเองออกมาดู และพบว่ามันกำลังเปล่งแสง เมื่อลุงปอมเห็นดังนั้นก็ตกใจ และกล่าวว่า นี่คือศิลาลอยฟ้าของลาพิวต้า และ ก็จบด้วยการที่ลาพิวต้า พังและยังคงอยู่อีกส่วนบนทัองฟ้า…