Snow White and the Seven Dwarfs (1937) สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด กาลครั้งหนึ่งในดินแดนสุดมหัศจรรย์ ยังมีองค์หญิงน้อยแสนงามผู้มีผมดำดุจไม้มะเกลือ ริมฝีปากแดงดั่งกุหลาบและมีผิวขาวผ่องดังหิมะ. เธอคือสโนไวท์ ผู้ที่รู้จักเธอล้วนรักใคร่เธอ เว้นแต่ราชินีแม่เลี้ยงใจร้ายผู้ริษยาในความงามของเธอ. สโนไวท์อาศัยอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ที่มีน้ำตกเจ็ดชั้นและภูเขาอัญมณีเจ็ดลูกที่ภายในมีอัญมณีเลอค่ามากมาย. ภูเขาที่อยู่ห่างไกลที่สุดเป็นที่ตั้งของปราสาทที่สโนไวท์เติบโตมาภายใต้อำนาจของราชินี.
ถึงแม้ว่าความปรารถนาที่จะมีรักแสนหวานของเธอจะดูเป็นไปไม่ได้ แต่ความรักก็สามารถหาทางของมันได้เสมอ แม้ว่าเสื้อผ้าของหล่อนที่ขาดรุ่งริ่งก็ยังไม่สามารถห้ามให้เจ้าชายหลงรักสโนไวท์ได้.
ราชินีเกรงว่าสักวันสโนไวท์จะเติบโตและมีสิริโฉมงดงามกว่าพระนาง. ด้วยเหตุนี้พระนางจึงใช้ให้สโนไวท์ทำงานหนักดั่งทาส และเมื่อกระจกวิเศษเผยแก่ราชินีว่าสโนไวท์มีความงดงามยิ่งกว่าผู้ใดในแผ่นดิน รวมทั้งพระนาง ชีวิตของสโนไวท์ก็ตกอยู่ในอันตราย.
สโนไวท์วิ่งหนีเข้าใปในป่ามืด ดูเหมือนว่าต้นไม้เกิดมีชีวิตและพยายามจะฉุดรั้งสโนไวท์เอาไว้. เธอเหนื่อยล้าและหวาดกลัวจนกระทั่งหมดแรงและล้มลงกลางป่า แล้วสิ่งที่ทำให้เธอมีชีวิตชีวาอีกครั้งก็คือเสียงเพลงและรอยยิ้ม. เธอได้พบเพื่อนเหล่าคนแคระ เพื่อน ๆ ตัวเล็ก ๆ ทั้งเจ็ดคนที่ช่วยเหลือเธอไว้ และรับเธอให้มาอยู่ด้วยกัน.
วันหนึ่ง ระหว่างที่สโนไวท์กำลังทำกูซเบอร์รี่พายของโปรดของเหล่าคนแคระ หญิงชราแปลกหน้าก็เข้ามาคะยั้นคะยอเธอให้ทำแอปเปิ้ลพายด้วยลูกแอปเปิ้ลสีแดงสดในมือนาง และเมื่อสโนไวท์อธิษฐานต่อแอปเปิ้ลเธอกัดมันและสลบลงไปนอนกองกับพื้นทันที!
คนแคระทั้งเจ็ดมาถึงลานโล่ง ในขณะที่หญิงแก่ผู้อัปลักษณ์หายกลับเข้าไปในป่า คนแคระทั้งเจ็ดถลาเข้าหาราชินีอย่างรวดเร็ว ฟ้าผ่าลงมาและฝนกระหน่ำตก ราชินีเริ่มปีนหุบเขาหิน ราชินีปีนป่ายสูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายนางไปถึงยอดหน้าผาซึ่งไปไกลกว่านั้นไม่ได้อีกแล้ว นางพยายามที่จะผลักหินก้อนใหญ่ใส่คนแคระทั้งเจ็ด ทันใดนั้น แสงแปลบปลาบของฟ้าผ่าก็ผ่าลงมาตรงแนวหินที่ยื่นออกมาจากหน้าผา มันแตกและร่วงลง…ลง…ไปในด้านล่างสุดของหุบเขา ทำให้ราชินีถึงแก่ความตาย
หลังจากผ่านไป 3 คืน สโนว์ไวท์ก็ตื่นขึ้นมาเจอเจ้าชาย เจ้าชายได้จุมพิตนางทำให้นางฟื้นขึ้นมา และต่อสู้กับราชินีจนทำให้ราชินีตาย ทำให้ต่อมาทุกคนอยู่อย่างเป็นสุข