หลังจากพ่ายแพ้แก่ “ภูติสางกา” (ชูพงษ์ ช่างปรุง) ทุกศาสตร์ยุทธที่ถูกบ่มเพาะฝึกฝนมาทั้งชีวิตของ “เทียน” (ทัชชกร ยีรัมย์) ล้วนถูกทำลายย่อยยับจนหมดสิ้น ดั่งคำทำนายเมื่อครั้งถือกำเนิด ยามใดจับต้องศาสตรา ชีวิตจักมืดมน ต้องทนทุกข์แสนสาหัส บัดนี้ร่างที่ไร้ชีวิตของบุรุษนักสู้ได้ถูกลำเลียง ขนย้ายส่งต่อไปยังหมู่บ้านอโรคยา ที่ในอดีต “เทียน” และ “พิม” (พริมรตา เดชอุดม) เคยใช้ชีวิตเติบโตในวัยเด็ก โดยมีเหล่าผู้คนในหมู่บ้าน หรือกระทั่งคนบ้า ที่ไม่เคยมีพิษมีภัยกับใครอย่าง “ไอ้เหม็น” (หม่ำ จ๊กมก) ก็ต่างมาร่วมกันหลอมจิตศรัทธา ช่วยกันหล่อพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้น เพื่อส่งจิตระลึกให้ “เทียน” ฟื้นคืนสติกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
โดยมี “พระบัว” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ช่วยเปิดทางให้ “เทียน” ได้เริ่มต้นเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกควบคุมร่างกายและจิตให้นิ่ง หลอมหลวมเข้ากับ พลังศรัทธาอันแรงกล้าจากธาตุธรรมชาติทั้ง 4 “ดิน น้ำ ลม ไฟ” ผสมผสาน จนก่อเกิดการค้นพบ “นาฏยุทธ์” ศาสตร์และศิลปะการต่อสู้อันทรงอานุภาพอย่างที่ ไม่เคยปรากฏมาก่อน และทันทีที่ “พระยาราชเสนา” (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) รู้ว่าบัดนี้ “เทียน” ได้รับการชุบชีวิตจากชาวหมู่บ้านคณะโขนด้วยแล้ว การระดมขุมกำลังทั้งหมดส่งไปเพื่อทำลายล้างและเข่นฆ่าผู้คนในหมู่บ้านก็เกิดขึ้นทันที
โดยที่ตัว “พิม” เองถูกทหารจับตัวไปยังพระราชวังเพื่อสำเร็จโทษอาญาคซทัณฑ์ (ใส่ตระก้อให้ช้างเตะ) ต่อหน้าหมู่ทาสและประชาชนทั้งหมด ทำให้ “เทียน” ต้องยอมละตัวเอง ออกจากดวงจิตอันบริสุทธิ์เพื่อเผชิญกับวิบากกรรม ที่เป็นอุปสรรคซึ่งถูกลิขิตไว้อย่างไม่จบสิ้น ทางเดียวที่จะเอาชนะกรรมที่เริ่มก่อตัวขึ้น นั่นคือต้องเผชิญหน้าและเรียนรู้ที่จะควบคุมและเอาชนะจิตใจตนเองให้ได้