March of the Penguins (2005) การเดินทางของจักรพรรดิ จะว่าไป เพนกวินจักรพรรดิ ( The Emperor Penguin s) นั้น แม้จะได้ชื่อว่าเป็นสายพันธุ์เพนกวินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่แท้ที่จริงแล้วพวกมันกลับเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องคำสาป เนื่องจากการสืบทอดเผ่าพันธุ์ของพวกมันเต็มไปด้วยความสุ่มเสี่ยงและลำบากแสนเข็ญ ในทุกฤดูหนาวของทุกปี เพนกวินจักรพรรดิ ต้องละทิ้งทะเลซึ่งอุดมไปด้วยอาหาร แล้วจับกลุ่มเดินกระย่องกระแย่งเป็นระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร สู่สถานที่เวิ้งว้างว่างเปล่าหนาวเหน็บแห่งหนึ่ง เพียงเพราะว่าที่นั่นมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การสืบพันธุ์ของพวกมัน นอกจากนั้น เพนกวินจักรพรรดิ ยังมีธรรมชาติที่แสนแปลกประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ หลังจากที่ตัวเมียออกไข่แล้ว ก็จะส่งมอบไข่ให้ตัวผู้รับหน้าที่ฟูมฟักเลี้ยงดู ในขณะที่ตัวเมียจะเดินทางกลับทะเลเพื่อหาอาหารเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตัวเอง และนำกลับมาให้ทารกน้อยซึ่งกำลังจะฟักตัวในอีกไม่ช้า การส่งมอบไข่ของ เพนกวินจักรพรรดิ ถือเป็นขั้นตอนที่อันตรายยิ่ง เนื่องจากไข่จะต้องได้รับความอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา หากพ่อแม่เพนกวินคู่ใดสะเพร่ากะจังหวะรับส่งไม่ดีปล่อยให้ไข่ตากลมนานเกินไป ไข่ใบนั้นก็จะถูกความหนาวทำให้แตกสลาย ซึ่งนั่นหมายถึงว่า ลูกน้อยของพวกมันจะต้องตายตั้งแต่ยังไม่เป็นตัวเสียด้วยซ้ำ หลังการส่งมอบไข่เสร็จสิ้น แม่และพ่อเพนกวินต่างต้องแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน แม่เพนกวินจะตะลุยฝ่าหิมะเพื่อมุ่งหน้าสู่ทะเล ส่วนพ่อเพนกวินก็ต้องอยู่นิ่งๆ อย่างอดทนโดยไม่มีอาหาร ท่ามกลางพายุหิมะอันแสนโหดร้ายทารุณ เพื่อประคบประหงมไข่ใบเขื่องไว้ภายในอุ้งเท้าทั้งสองข้างราว 60 วันหลังจากนั้น ขณะที่พ่อเพนกวินอ่อนล้าและหิวโหยจนถึงขีดสุดไข่ก็จะฟักตัว และลูกเพนกวินที่เกิดใหม่จะมีอายุอยู่ได้โดยปราศจากอาหารเป็นเวลาเพียง 48 ชั่วโมง ซึ่งนั่นหมายความว่า หากแม่เพนกวินของมันไม่สามารถนำอาหารกลับจากทะเลได้ทันเวลา อายุขัยของลูกเพนกวินก็จะสิ้นสุดลงเพียงแค่นั้น แม่เพนกวินตัวใดที่ทำหน้าที่ได้สำเร็จทันเวลา จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับสามีและลูกอีกครั้ง ส่วนแม่เพนกวินที่กลับมาไม่ทันจะพบเพียงร่างไร้ชีวิตของลูกน้อย พวกมันจะพากันกลับคืนสู่ทะเลอย่างเศร้าสร้อย แล้วตั้งความหวังว่า เมื่อถึงช่วงเวลานี้ของปีหน้า…มันจะไม่ทำพลาดอีก