เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในชุมชนขนาดเล็กแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนถนนสายที่ 3 แห่งเขตยูฮี กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น[1] เมื่อปีโชวะที่ 33 (พ.ศ. 2501) ซึ่งเป็นช่วงเวลาของญี่ปุ่นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ภายใต้การฟื้นฟูทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี และการก่อสร้างหอคอยโตเกียว โดยมีครอบครัวซุซุกิ เจ้าของอู่ซ่อมรถขนาดเล็กชื่อ “ซุซุกิออโต” และนักประพันธ์ รีวโนะซุเกะ จะงะวะ เป็นตัวละครดำเนินเรื่อง
ครอบครัวซุซุกิประกอบด้วยหัวหน้าครอบครัว โนะริฟุมิ ซุซุกิ (ชินิจิ สึสึมิ) เจ้าของอู่ซุซุกิออโต โทะโมะเอะ ซุซุกิ (ฮิโระโกะ ยะกุชิมะรุ) ภรรยา และ อิปเป ซุซุกิ (คะซุกิ โคะชิมิสุ) ลูกชาย ฝั่งตรงข้ามของอู่ซุซุกิ คือบ้าน และร้านขายของเล่นและขนมสำหรับเด็กของ รีวโนะซุเกะ จะงะวะ (ฮิเดะตะกะ โยะชิโอะกะ) นักประพันธ์ “ไส้แห้ง” เจ้าของนิยายเยาวชนชั้นรอง โชเน็งโบเก็งดัง (ชมรมหนุ่มน้อยผจญภัย)
วันหนึ่ง ครอบครัวซุซุกิได้รับ มุสึโกะ โฮะชิโนะ (มะกิ โฮะริกิตะ) หญิงสาวจากอะโอะโมะริ มาเป็นลูกจ้างในอู่ พร้อมกันนั้น ฮิโระมิ อิชิซะกิ (โคะยุกิ) อดีตนางระบำในสถานเริงรมย์ ก็เข้ามาเปิดร้านขายสุราภายในชุมชนแห่งนั้น
ในวันแรกที่เธอเปิดร้าน ฮิโระมิได้รับมอบหมายให้เลี้ยงดูเด็กชายที่ชื่อ จุนโนะซุเกะ ฟุรุยุกิ (เค็นตะ ซุงะ) แทนมารดาที่ทิ้งเขาไป เธอรับจุนโนะซุเกะไว้อย่างไม่เต็มใจ และต้องการจะหาที่อยู่อื่นให้ ในค่ำวันนั้น เธอได้พบกับจะงะวะที่เข้ามาดื่มสุราในร้าน จะงะวะเมาและพูดนำเสนอตัวเองว่าเป็นผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับเด็ก ทำให้เธอคิดว่าจะงะวะน่าจะเป็นคนที่สามารถเลี้ยงดูจุนโนะซุเกะได้ เธอจึงอ้อนวอนให้จะงะวะรับเลี้ยงจุนโนะซุเกะ ด้วยเสน่ห์ของเธอ จะงะวะจึงรับจุนโนะซุเกะไปเลี้ยงและอยู่กินกับเขา
ในช่วงแรก เขาปฏิบัติต่อจุนโนะซุเกะอย่างเย็นชา แต่ต่อมา หลังจากที่พบว่าจุนโนะซุเกะเป็นผู้ที่ชื่นชอบนิยายของเขามาก เขาก็เริ่มมอบความอบอุ่นแก่จุนโนะซุเกะมากขึ้น วันหนึ่ง ด้วยความที่ตนขาดแรงบันดาลใจในการประพันธ์ตอนต่อไป จะงะวะได้ขโมยเนื้อเรื่องที่จุนโนะซุเกะเขียนไว้ด้วยตัวเองไปตีพิมพ์ภายใต้ชื่อของเขา เมื่อจุนโนะซุเกะทราบพฤติกรรมนี้ จะงะวะก็ยอมรับผิด แต่จุนโนะสุเกะก็ไม่ถือโทษ และแสดงความดีใจพร้อมขอบคุณจะงะวะที่ทำให้ผลงานของเขาได้รับการตีพิมพ์ หลังจากนั้น ความผูกพันของทั้งสองก็แนบแน่นยิ่งขึ้น ประกอบกับการที่ฮิโระมิที่คอยมาเยี่ยมเยียน ก็ทำให้จุนโนะซุเกะสัมผัสถึงบรรยากาศครอบครัวที่อบอุ่น
ทางด้านครอบครัวซุซุกิ โนะริฟุมิไม่พอใจมุสึโกะที่ไม่มีความสามารถในการซ่อมรถอย่างที่เธอเขียนไว้ในใบสมัครงาน มุสึโกะก็แสดงความไม่พอใจกับขนาดอู่ของเขาที่เล็กกว่าที่เธอหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ ทำให้โนะริฟุมิโมโหมาก แต่หลังจากที่โทะโมะเอะและอิปเปให้เขาอ่านใบสมัครงานอีกครั้ง เขาก็พบว่าเธอซ่อมได้เพียงรถจักรยานเท่านั้น ทำให้เขารู้สึกผิดที่ไม่ตรวจสอบให้ดีและขอโทษมุสึโกะ ทางด้านมุสึโกะก็ให้อภัยและขอโทษที่เธอหวังมากเกินไป จากนั้นมา มุสึโกะก็ค่อย ๆ ปรับตัวและใช้ชีวิตเสมือนสมาชิกครอบครัวซุซุกิคนหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างฮิโระมิกับจะงะวะก็พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ วันหนึ่ง ฮิโระมิได้เปรยกับจะงะวะว่า เธอควรจะหมั้นกับจะงะวะเพื่อมาช่วยกันเลี้ยงดูจุนโนะซุเกะ เมื่อได้ยินดังนั้น จะงะวะจึงตัดสินใจขอหมั้นกับเธอในคืนวันคริสต์มาสอีฟด้วยกล่องใส่แหวนเปล่า ๆ ฮิโระมิรับหมั้นเขาด้วยความซาบซึ้งใจ แต่แล้ววันถัดมา เธอก็ย้ายออกจากชุมชนแห่งนั้น จะงะวะได้มาทราบข่าวภายหลังว่า เธอต้องกลับไปทำงานเป็นนางระบำอีกครั้ง เพื่อหาเงินมาชดใช้หนี้สินที่เธอก่อเอาไว้ได้ทัน
ต่อมาไม่นาน ได้มีชายนักธุรกิจผู้หนึ่งเดินทางมาหาจะงะวะและอ้างตนว่าเป็นบิดาของจุนโนะซุเกะ เขากล่าวว่าจะขอรับเลี้ยงจุนโนะซุเกะต่อ และจะเลี้ยงดูจนสามารถทำงานในอาณาจักรธุรกิจของเขาได้ จะงะวะยอมรับตามความประสงค์ของเขา และปล่อยให้จุนโนะซุเกะเดินทางกลับไป เพื่อให้มีชีวิตที่ดีกว่า แต่หลังการตัดสินนั้นไม่นาน จะงะวะก็ต้องจมปรักกับความเศร้าที่ต้องเสียทั้งฮิโระมิและจุนโนะซุเกะ และพังข้าวของในบ้านของตัวเอง ทันใดนั้น เขาได้พบจดหมายลาที่จุนโนะซุเกะเขียนขอบคุณตัวเขาโดยบังเอิญ เมื่อเขาอ่านเสร็จ เขาก็ออกวิ่งตามรถของนักธุรกิจผู้นั้นไปด้วยความหวังว่าจะได้พบกับจุนโนะซุเกะอีกครั้ง และแล้วความหวังของเขาก็เป็นจริง เมื่อพบว่าจุนโนะซุเกะเดินกลับมาหาเขา เขาจึงรับจุนโนะซุเกะกลับมาเลี้ยงดูเช่นเดิม พร้อมกับหวังว่าพวกเขาและฮิโระมิจะได้กลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง
ทางด้านครอบครัวซุซุกิ มุสึโกะได้รับตั๋วรถไฟจากครอบครัวซุซุกิเป็นของขวัญวันคริสต์มาส เพื่อให้เธอได้กลับไปเยี่ยมครอบครัวที่อะโอะโมะริ แต่เธอไม่ยอมเดินทางกลับ เพราะน้อยใจและเชื่อว่าที่บ้านไม่มีใครต้องการเธออีก แต่หลังจากที่โทะโมะเอะได้นำจดหมายแสดงความห่วงใยที่แม่ของมุสึโกะส่งให้ครอบครัวซุซุกิ มาให้เธอได้อ่าน เธอจึงตัดสินใจเดินทางกลับไปพบครอบครัวด้วยความสุข
เรื่องราวทั้งหมดสรุปด้วยภาพของครอบครัวซุซุกิที่กล่าวแสดงความศรัทธาต่อพลังของความหวัง และยืนดูตะวันที่กำลังคล้อยต่ำอยู่เบื้องหลังหอคอยโตเกียวที่สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว